[Song Fiction]Re_Cycle
ทุกสิ่งทุกอย่าง จมลงในกองทรายที่เรียกว่ากาลเวลา ตัวเธอที่เคยอยู่เคียงข้างฉัน ..ไม่มีอยู่อีกแล้ว .....เรื่องราวของตุ๊กตาสังหาร ความเจ็บปวดของคำว่าชั่วนิรันดร์..และ..การดำรงอยู่ที่ไร้ค่า..หรือมีค่า..?
ผู้เข้าชมรวม
1,372
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[Song Fiction]
Title : Re_Cycle
Credit : Vocaloid : Luka
.
.
.
ทุกสิ่งทุกอย่าง
จมลงในกองทรายที่เรียกว่ากาลเวลา
ตัวเธอที่เคยอยู่เคียงข้างฉัน
ไม่มีอยู่อีกแล้ว
.
.
.
+++++++++++++++
.
.
.
ทุกภาพยังคงอยู่ ทุกความทรงยังตราตรึง
ตัวเธอในยามแรกเกิด เด็กทารกตัวน้อยที่ส่งเรียงร้องกังวานใส
ฉันยืนอยู่ในจุดที่ห่างออกมา เฝ้ามองราชา ราชินี และเหล่าราชวงศ์ที่แย้มยิ้มอย่างสุขใจ
ฉันเป็นเพียงตุ๊กตาที่ถูกมอบวิญญาณ..สิ่งที่เรียกว่าหัวใจนั้น..ไม่มีอยู่
ฉันเป็นเพียงตุ๊กตาสังหาร ซึ่งยามนี้อยู่เพียงเพื่ออารักขาเหล่าราชวงศ์
พระราชินีซึ่งเพิ่งคลอดยิ้มอย่างอิดโรย โอบอุ้มเธอเธอซึ่งเพิ่งเกิดเอาไว้แล้วกล่อมปลอบโยน
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังร้องไห้จ้างอแงไม่หยุด
เธอถูกวนให้ทุกคนอุ้ม..แต่เธอก็ยังไม่หยุดร่ำไห้..กระทั่งร่างเล็กๆของทารกน้อยถูกวนอุ้มมาถึงฉัน
พระราชาชักสีหน้าเมื่อเห็นฉัน พระองค์ไม่ต้องการให้ตุ๊กตาปิศาจแตะต้องบุตรของพระองค์
แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะหากเธอยังร่ำไห้อยู่ บางทีอาจจะเป็นอันตราย
ฉันรับเธอมาอุ้มอย่างระมัดระวัง...มันเป็นคำสั่ง ดังนั้นฉันจึงไม่ขัดข้องแต่อย่างใด และไม่เจ็บปวดยามเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจซึ่งมองมา
ตัวเธอช่างน่ารักและนุ่มนิ่ม อบอุ่นและบอบบาง เสียงร้องของเธอช่างสดใสเหมือนระฆังแก้วที่ก้องกังวาน
...
เพียงชั่วครู่ เสียงร้องไห้จ้าก็หยุดลง
..ทารกน้อยเบิกตามองฉัน ..
เธอจ้องฉันด้วยความสงบนิ่ง เอียงคอเล็กๆมองอย่างสนใจแล้วขมวดคิ้ว
ทุกคนในห้องต่างกลั้นใจ..หลายคนพึมพำขึ้นมาว่า "หยุดร้องแล้ว"อย่างประหลาดใจ
เพียงชั่วครู่....ดวงตาสีฟ้าดังนภาครามของเธอก็เปล่งประกายสดใส
เสียงหัวเราะเอิกอ้ากดังกังวานพร้อมเสียงถอนหายใจโล่งอกของทุกคน
"เจ้าชายทรงชอบใจเธอ" ตุ๊กตาที่มีหัวใจมากกว่าฉันบอก พร้อมตบลงที่ไหลซึ่งพาดเรือนผมยาวสยายของฉันเบาๆ
คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาในสมองของฉันแม้แต่น้อย
บัดนี้ในทุกส่วนของประสาทสัมผัส มีเพียงแต่เธอ
..เจ้าชายองค์น้อยที่ยิ้มให้ฉัน..
++++++++++++
ฉันถูกปลดจากงานหลักที่จำต้องอารักขาพระราชาและพระราชินีด้วยคำพูดสั้นๆ
"ช่วยดูแลเจ้าชายด้วย"พระราชาเอ่ย แผ่นหลังของเขาหันให้พระอาทิตย์ ทำให้ฉันอ่านความรู้สึกของท่านไม่ออก
ฉันยืนนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ ใครจะไม่รู้ตัวว่าตุ๊กตาสังหารไม่เคยได้รับความไว้วางใจ นั่นทำให้ฉันกังวล
ดวงตาของฉันหันมองพระราชินีที่มองมาทางฉันด้วยรอยยิ้ม พร้อมกระชับเจ้าชายองค์น้อยในอ้อมแขนของเธอ
เจ้าชายองค์น้อยหลับใหลอย่างน่ารัก ฉันจ้องเธออย่างสนใจ เธอกระดิกตัวในอ้อมแขนของมารดาแล้วครางเบาๆ
เนตรสีฟ้าใสเบิกขึ้น แล้วจ้องมองฉันด้วยดวงตากระจ่างใส จากนั้นก็หัวเราะร่าเริง
พระราชินีส่งเธอให้ฉันอุ้ม ตัวเธอที่แสนบอบบางอยู่ในอ้อมแขนของฉันอีกครั้ง..หลังจากวันนั้นที่เธอเกิดมา
ทั้งนิ่มนุ่ม ทั้งน่ารัก ทั้งน่าปกป้อง
ฉันกระชับร่างของเธอในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง
"จากนี้ก็ฝากด้วยนะ"พระราชินีว่าแล้วจ้องลึกในดวงตาของฉัน พร้อมกับเอ่ยต่อไป
"ดวงตาของเธออ่อนโยนลง ฉันจึงวางใจ"
นับแต่วันนั้นที่ฉันไม่เข้าใจอะไรนัก ฉันก็กลายมาเป็นผู้ดูแลของเธอ
.
++++++++++++
.
รูปลักษณ์ของฉันเป็นรูปลักษณ์ของปิศาจ
ไม่ว่าผู้ที่สร้างฉันมีความคิดเช่นไร รูปลักษณ์ของฉันก็ยังเป็นรูปลักษณ์ของปิศาจอยู่ดี
เรือนผมสีขาวโพลนของหิมะยาวสยาย ดวงตาสีน้ำเงินล้ำลึกยะเยือกของห้วงสมุทรอันนิ่งงัน
ร่างกายสูงระหง ใบหน้าเรียวของสตรี ผิวขาวซีดดังนางพญาเหมันต์
เขาเดี่ยวม้วนที่ศีรษะข้างซ้าย เล็บแหลมคมทั้งสองข้างที่พร้อมมอบความตายให้ผู้คน
และปีกปิศาจสีดำที่ถูกเก็บไว้ใต้อาภรณ์สีราตรี
แม้งดงามหากแฝงเร้นด้วยพิษอันร้ายกาจที่ฉันไม่เคยตั้งใจให้มันเป็น
..แต่ถึงกระนั้น
เธอก็ยังยิ้มเมื่อมองเห็นฉัน..ไม่ได้หวาดกลัวเช่นหลายคนที่มองอย่างหวาดระแวง
ดังนั้นฉันจึงรักและต้องการเธอ มากกว่าสิ่งใดใดที่เคยมีมา
มันค่อนข้างลำบากเวลาที่เธอร้องไห้ เพราะฉันไม่เข้าใจภาษาทารก
ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าตอนไหนที่เธอหิว และตอนไหนที่เธออยากให้กอด หรือตอนไหนที่อยากให้ขับกล่อมด้วยบทเพลง
แต่ด้วยเวลาที่เลยผ่าน ฉันก็ชินในที่สุดจนทำทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
เธอร้องไห้จ้าเมื่อหิว หัวเราะยามเห็นใบหน้าของฉัน
คำแรกที่เธอพูดไม่ใช่ "ท่านพ่อ" หรือ "ท่านแม่"
แต่เป็น"เซสึนะ"
...นามแห่งชั่วพริบตา...
..เป็นชื่อของฉัน..
++++++++++++++++++
เธอเติบโตขึ้น จากทารกเป็นเด็กน้อย และจากเด็กน้อยเป็นเด็กชาย
เธอกลายเป็นเด็กชายที่น่ารักอ่อนโยน เรือนผมสีเงินสวยสั้นเพียงต้นคอ ดวงตาสีฟ้าครามกระจ่างใสงดงาม
เธอช่างร่าเริงสดใส เธอช่างอ่อนโยนและน่ารัก..เสียจนฉันไม่อยากเสียเธอไป
พวกเราอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นเรื่องปรกติ ไม่มีใครคิดจะกล่าวติ ในเมื่อฉันเป็นเพียงตุ๊กตา
ทั้งสำหรับราชา ฉันเป็นทั้งองครักษ์และคนดูแล ใช่แล้ว ท่านไม่ได้ลืมหรอกว่าฉันคือ [อะไร]
..เจ้าชายไม่รู้เรื่องนี้..
..ไม่รู้ว่าฉันคืออะไร..
และฉันไม่คิดจะบอก เพราะยังไม่อยากให้สวรรค์เล็กๆของฉันพังพินาศลงในตอนนี้
สวรรค์ที่เรียกว่าการได้อยู่เคียงข้างเธอ
เธอตัวน้อยที่น่ารัก ออกวิ่งบนเนินเขาท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน
เธอที่ช่างสดใส เธอที่ช่างเหมือนเทพยดา
เธอที่ออกวิ่งบนเนินเขาแล้วหันหลังมาทางฉัน
จากนั้นก็จะยิ้มกว้างทั้งปากและดวงตาแล้วมองมาที่ฉัน พร้อมวิ่งมาสวมกอดอย่างแรง
อา..ความสุขที่เหมือนลมอ่อนๆในตอนนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังจำได้ดี
ตัวฉันที่บอกว่า "เจ้าชายเพคะ ระวังตัวด้วยนะเพคะ!"
กับเธอที่หัวเราะแล้วบอกว่า "เข้าใจแล้วครับ คุณเซสึนะ"
..และตัวฉันที่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา..
เธอมักจะยิ้มเมื่อพอใจ ขมวดคิ้วทำแก้มป่องเมื่อไม่พอใจ ทำน้ำตาคลอเวลาที่ต้องการออดอ้อนให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และกอดฉันแรงๆในยามที่คิดถึงสุดหัวใจ
ทุกอากัปกิริยา..ต่างประกอบขึ้นเป็นสิ่งที่เรียกว่าตัวเธอ
สมบัติล้ำค่าของฉัน
.
.
++++++++
.
.
นั่นเป็น ความสุข ที่ฉันได้รับและรู้จัก
คือหัวใจ คือความรู้สึก ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวันรับรู้
ฉันเริ่มจะเหมือนมนุษย์เข้าทุกที ทั้งความรัก ทั้งรอยยิ้ม ทั้งประกายลึกในดวงตา
และความคิดที่ตะโกนกู่ก้องว่าอยากให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป
..ทั้งที่ฉันเป็นเพียงตุ๊กตาที่ถูกสร้างเพื่อฆ่าคน..
.
.
.
แต่มนุษย์เคยพูดไว้ ..ความสุขมักไม่ยืนยาว
..บางทีกฏนี้ แม้แต่กับตุ๊กตาก็คงไม่อาจหนีพ้นโชคชะตา..
++++++++++++++
อาณาจักรถูกรุกรานในค่ำคืนหนึ่ง เพลิงสงครามโหมกระพือลุกไหม้ทั่วทั้งแผ่นดิน
ฟากฟ้าสีราตรีถูกย้อมเป็นสีชาด เพลิงไหม้โหมกระหน่ำคลอเสียงกรีดร้องของผู้คน
เหล่าทหารหาญถูกฆ่าและทรมานจนตาย แม้แต่ตุ๊กตาสังหารก็ถูกทำลายไม่เหลือซาก
พระราชินีทรงสิ้นใจด้วยความเศร้า เหล่าราชวงศ์ต่างนอนจมกองเลือดที่ย้อมให้พรมลาดระเบียงกว้างใหญ่เป็นสีแดงฉาน
ภายในปราสาทเงียบสงัดและถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายของความตาย
พระราชาถูกปลงพระชนม์ แม่ทัพใหญ่ของฝ่ายศัตรูตัดเศียรพระองค์แล้วตะโกนกึกก้องถึงความพ่ายแพ้ของเรา
อาณาจักรแห่งเราสิ้นเสียแล้ว
เจ้าชายถูกพาตัวไปในฐานะเชลย ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสที่กลั่นจากความเศร้า
เสียงกรีดร้องคั่งแค้นเสียใจดังกังวานหากไม่มีใครคิดจะฟัง ร่างเล็กดิ้นขลุกลักในอ้อมแขนของทหารที่พาตัวเขาไป
ครั้นแล้ว เจ้าชายองค์น้อยก็เบิกตามองฉันที่วิ่งตามมา
เธอยื่นมือมาหาฉัน หวังจะยื่นให้ถึงร่างที่วิ่งตามมา ฉันเองก็วิ่งตามเธอ ยื่นมือเพื่อจะดึงเธอกลับมา
แต่ในเสี้ยววินาทีที่มือของเรากำลังจะเอื้อมถึงกัน ฉันกลับถูกฟันที่กลางหลังจนล้มลงไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยเลือดซึ่งเจิ่งนอง
ฉันเงยหน้าขึ้น หากร่างกายกลับไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป เหลือเพียงเธอที่ห่างฉันออกไป..ไกลขึ้นทุกที
ฉันพยายามไล่ตามเธอไป แต่แขนและขาทั้งสองข้างกลับถูกตัดขาด
เขาหักครึ่งเหลือเพียงฐาน ดวงตาข้างหนึ่งถูกทำลาย
แม้แต่ปีกที่จะโบยบินไปหาเธอก็ยังถูกหักออกไม่เหลือชิ้นดี
..ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายพังยับเยินถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..รู้แต่เพียงว่าเธอกำลังถูกพลัดพรากไปจากฉัน...
รู้แต่เพียงว่า..ภาพสุดท้ายในความทรงจำที่มองเห็นนั้น
คือเธอที่ถูกดึงให้จากฉันไปทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
คือฉันที่ตะโกนร้องว่าจะต้องได้เธอกลับคืนมา
แล้วทุกอย่างก็ดับไป
.
.
.
+++++++++++++++
.
.
.
ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งท่ามกลางป่าลึกที่เต็มไปด้วยสายฝน
ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวเงยมองฟ้าหม่นแสง..โลกสีเทาที่มีเพียงเสียงของพิรุณอันพร่างพรม
ร่างกายของฉันเปียกปอนไปด้วยหยาดฝน ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นนั่งเมื่อฟันเฟืองในร่างเริ่มทำงาน
ดวงตาที่เสียไปไม่มีวันกลับคืน ปีกที่ถูกฉีกกระชากไปไม่มีวันกลับมา
และเขาที่หักไปไม่มีวันเป็นดังเดิม
มีแต่เพียงแขนขาทั้งสองข้าง..ที่ถูกใครบางคนซ่อมแซมให้กลับมาเป็นเช่นเดิม
ความทรงจำของฉันเลือนราง ราวกับถูกหมอกพิษกัดกร่อนให้เลือนหายไป
ภาพที่ปรากฏในห้วงความคิด เป็นเหมือนชิ้นส่วนมากมายที่ถูกเพลิงเผาไหม้ให้เหลือส่วนเศษซากให้จดจำ
บางอย่างสำคัญ บางอย่างไม่สำคัญ
แต่ยิ่งกว่านั้น คือภาพสะท้อนอันเลือนรางของหยาดน้ำตาที่พร่างพรูอันติดลึกในความทรงจำที่ขาดวิ่น
ที่ย้ำเตือนให้ฉันร้อนรน...
.
.
โดยไม่ได้ครุ่นคิด ฉันจึงลุกขึ้น
..แล้วออกเดิน..
.
.
+++++++++++++++
.
.
ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยสายฝนที่โปรยปราย
หากกระนั้น กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะอันสดใส
ขาคู่ใหม่ของฉันพาร่างให้ก้าวไปอย่างไร้จุดหมาย
บางทีอาจไม่ไร้จุดหมาย เพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าบัดนี้ตัวเธออยู่ ณ แห่งหนใด
เวลาผ่านผันไปเพียงชั่วครู่หรือเนิ่นนานกันนะ..มันช่าง..ไม่ชัดเจน
ชั่วขณะนั้น ฉันก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แล่นกระทบศีรษะของตน
มันเจ็บแปลบ แต่ไร้เลือดหลั่งริน ในเมื่อฉันเป็นแค่ตุ๊กตา
ฉันหันไปยังทิศซึ่งสิ่งนั้นแล่นตรงมา แล้วจึงปะทะกับสายตาแห่งความหวาดกลัวและความชิงชัง
“เจ้าปิศาจ!!”
.
.
ฉันลืมไปว่าตัวเองมีรูปลักษณ์เช่นใด
เขาที่หักไปแล้วไม่ได้ทำให้ฉันดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น ปีกที่หักไปยังเหลือร่องรอยอยู่บนแผ่นหลัง
เล็บแหลมคมของมือที่ได้รับมาใหม่ก็ยาวและแดงฉานกว่าที่เคยมีมา
..ใบหน้าที่ซีกหนึ่งแตกร้าวด้วยดวงตาที่ถูกทำลายไป มันคงน่าชิงชังเกินจะทานทน
สิ้นคำพูดนั้น ผู้คนก็หันมองฉัน พร้อมกับขว้างปาสิ่งของที่มีในมือมาที่ตัวฉัน
ไม่มีแม้แต่เวลาให้อธิบาย ฉันได้แต่วิ่งหนีไปเรื่อยๆ ตามตรอกแคบเพื่อสลัดให้หลุดจากการถูกทำร้าย
ฉันสามารถฆ่าพวกเขาได้แต่ไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการสังหารใครอีกแล้ว
ฉันวิ่งไปเรื่อยๆตามทางที่ทอดยาวออกไป ก่อนจะถูกกุมข้อมือให้วิ่งตามไปโดยร่างของใครคนหนึ่ง
พวกเราหยุดลงในมุมหนึ่งของเมือง
ร่างนั้นอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีเทาหม่น ฉันหยุดวิ่งแล้วจ้องร่างนั้นอย่างสงสัย กระทั่งผ้าคลุมได้เลื่อนลงพร้อมใบหน้าที่จ้องมองมา
เสียงกังวานทุ้มแตกหนุ่มตะโกนกร้าวอย่างโกรธา
“ทำไมถึงวิ่งมาถึงนี่เลยล่ะครับ!! มันอันตรายมากเลยรู้ไหม!! คุณยังไม่หายดีนะ!!!”
เรือนผมสีเงินสั้นระต้นคอ ดวงตาสีฟ้าที่บัดนี้เรียวลงกว่าเดิม
ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น เสียงที่ทุ้มลง
แต่ถึงกระนั้น ส่วนลึกของจิตใจบ่งบอกว่านี่คือตัวตนเดียวกัน
“เจ้าชายเพคะ..”
ฉันกระซิบออกมาแบบนั้น
.
.
+++++++++++++++++
.
.
.
พวกเราไม่ได้พูดอะไรต่อ และฉันก็ถูกดึงให้เดินตามไปยังบ้านหลังหนึ่ง
เจ้าชายถูกตามล่า..ด้วยเหตุผลที่เขาไม่ยอมบอก แม้ว่าฉันจะเอ่ยถามเขามากครั้งเพียงใดก็ตาม
ฉันเงียบไป และเขาก็เงียบตอบ
เวลาได้ผันผ่านมาสิบปีเสียแล้ว นับแต่วันที่อาณาจักรบ้านเกิดได้สลายไป
ฉันเพิ่งได้รับรู้ถึงความจริงข้อนั้นยามเห็นจำนวนปีที่เพิ่มมากขึ้นจนที่ฉันเคยเห็นในปฏิทิน
ฉันพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป ช่วงเวลาที่ห่างไกลกันสร้างกำแพงขึ้นมากั้นระหว่างฉันกับเธอ
เธอดูเปลี่ยนแปลง ในดวงตานั้นมีแววลึกของความเย็นชา ทุกท่วงท่าของการก้าวเดินเต็มไปด้วยความระมัดระวังและรอยยิ้มสดใสนั้นได้หายไปจากสีหน้าที่อ่อนโยนเสียแล้ว
ฉันยืนนิ่งกลางห้องอย่างรอคำสั่ง ถึงอย่างไรฉันก็เป็นเพียงแค่ตุ๊กตา
และบัดนี้นายของฉันได้กลับคืนแล้ว
แค่ผิดคาด เธอเรียกฉันให้ไปนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าเธอ ฉันเดินไปนั่งอย่างงุนงง ก่อนจะโดนดึงแขนที่ถูกมีดปักขึ้นมา
เจ้าชายใช้ผ้าพันบริเวณที่ฉันถูกทำร้ายไว้ ฉันขมวดคิ้วสงสัย บอกเขาว่าไม่จำเป็นเพราะตุ๊กตาไม่มีเลือดเนื้อใดๆ
..อันที่จริงคือ..ไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยซ้ำ
แต่ถึงฉันจะพุดไปแบบนั้น เจ้าตัวก็ยังจะดื้อดึงอย่างเงียบๆ แล้วพันแผลต่อไปโดยไม่สนใจว่าฉันจะอธิบายอย่างไร
เหมือนเดิมไม่มีผิด
ดื้อดึง เอาแต่ใจ..และแสนงอน
ฉันยิ้มออกมาเมื่อคิดเช่นนั้น หัวเราะอย่างที่เธอไม่รู้ความหมายที่ซ่อนแฝง
ดังนั้นเธอจึงขมวดคิ้วแล้วมองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่ติดจะแดงระเรื่ออ่อนหวานด้วยความอาย
..เวลาผันเปลี่ยน และเธอก็เปลี่ยนแปลง ...
..แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาที่ตัดขาดไปนั้น บัดนี้ได้เชื่อมต่อกันแล้ว...
.
.
.
+++++++++++++++++++++++++
.
.
.ร่างกายของฉันเริ่มเข้าที่เข้าทาง.
เล็บแหลมคนที่ถูกสร้างใหม่ส่งผลให้ฉันใช้ความสามารถได้ดีกว่าเก่า
ปีกและเขาที่หักไปไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายนัก ..ด้วยตลอดมาเป็นเพียงเครื่องประดับกาย
ไม่เคยส่งผลใดใดนอกเหนือจากนั้น
..ที่เลวร้ายที่สุดคงจะเป็นดวงตาที่ส่งผลให้ฉันสามารถมองเห็นได้แค่ข้างเดียว
เจ้าชายมอบเสื้อผ้าใหม่ให้ฉัน มันเป็นเสื้อสีราตรีแนบเนื้อสำหรับผู้ชาย
ฉันเงยหน้าจะเขาว่าทำไมถึงให้ใส่ชุดนี้
แต่แล้วเรือนผมยาวยวงของฉันก็ถูกตัดออกด้วยฝีมือของเจ้าชายอย่างไร้การลังเล
ฉันอ้าปากค้าง รู้สึกโล่งหัวไปเยอะเลยทีเดียว แต่นั่น..คือเหตุผลที่จู่ๆจะมาตัดผมกันงั้นหรือ!!
“ไม่งั้นจะมีคนจำคุณได้นี่ครับ”
เจ้าชายบอกกับฉันเช่นนั้น แต่ฉันก็แอบเห็นอยู่ดี..ว่ามันมีร่องรอยสะใจในดวงตา
“เปลี่ยนไปเยอะเลยนะเพคะ...เจ้าชาย”
ฉันพูดออกไปอย่างนั้น แล้วก็อดจะยิ้มขันไม่ได้ เจ้าชายมองหน้าฉันแล้วอมยิ้ม ก่อนจะหันหน้าเดินออกจากบ้านหลังเล็กๆไป
แล้วพวกเราก็เริ่มออกเดินทาง
+++++++++++++
สิบปี..โลกเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
นั่นเป็นคงอธิบายได้ถึงความหวาดกลัวของผู้คนต่อตัวตนของฉัน..สงครามและโลกที่ใกล้พังทลาย
ทั่วทุกหัวระแหงเต็มไปด้วยซากศพและฝุ่นควันสีเทา เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นในทุกย่างก้าวที่ผ่านเลย
สิ่งก่อสร้างพังทลาย ผู้คนหวาดหวั่นระแวงภัย..ไร้ความรื่นเริงที่คุ้นเคย
บัดนี้...เชื้อโรคร้ายที่เรียกว่าสงครามแพร่กระจายไปทั่ว นำพาความโศกเศร้าและหวาดกลัวให้หยั่งรากลึกสู่ดวงใจของผู้คน
ฉันเดินตามเธอไปตามเส้นทางต่างๆที่ทอดยาวออกไป ไม่มีจุดหมาย ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย
พวกเราข้ามผ่านเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่ง ป่าใหญ่สู่เนินเขา เนินเขาสู่ทะเลกว้าง
เดินทางอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับการหลบซ่อน
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่กล้าพอจะเอ่ยถามเธอ...
เพราะแค่การได้เธอคืนมา ณ ตอนนี้ มันก็..
เป็นเหมือนปาฏิหาริย์มากพอแล้ว
กระนั้น
ความสงสัยนั้นก็ยังทับถมลงในหัวใจ การเดินทางที่ทอดยาวยิ่งกว่าเก่ายิ่งทำให้สิ่งเหล่านั้นยิ่งเพิ่มพูน
“เรากำลังจะไปไหนและกำลังจะทำอะไร”
ท้ายที่สุดฉันก็ถามขึ้นในวันหนึ่ง
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”
นั่นคือคำตอบเดียวที่ได้ยิน..แล้วบางสิ่งที่แฝงในน้ำเสียง
ก็ทำให้ฉันไม่กล้าถามออกไปอีกเลย
.
.
..ความสงสัยยังถูกเก็บไว้ในใจ...กระทั่งวันหนึ่งฉันได้พบตุ๊กตาสังหาร...ที่คล้ายกับตน
..พวกเขาเหล่านั้นเหมือนฉันแต่ไม่เหมือนฉัน..พวกเขามีหัวใจ
แต่เป็นหัวใจที่ปรารถนาในการฆ่าและการทำลาย
ตุ๊กตาเหล่านั้นมุ่งเข้าทำร้ายเธอด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม รอยยิ้มแสยะบ่งบอกว่าปรารถนา..ต้องการจะทำลาย
ฉันกระชับอาวุธในมือ..สิ่งที่เธอมอบให้มา แล้วเข้าฟาดฟันกับตุ๊กตาเหล่านั้นด้วยจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว..
เพื่อปกป้องเธอ
++++++++++++++++++++
นับจากวันนั้น ฉันก็ต้องต่อสู้กับผู้คนที่ตามล่าเธอทั้งที่ฉันไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร
และกระนั้น...ฉันไม่มีความคิดที่จะถามอีกต่อไป เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือพวกเขาที่คิดจะพรากเธอไป
คนเหล่านั้นคือตุ๊กตา..ตุ๊กตาสังหารที่ร้ายกาจและเลวทรามยิ่งกว่าที่เคยเจอ...
สิ่งเหล่านั้นปรารถนาในการฆ่าและทำลาย มีจิตใจวิปลาสดั่งมนุษย์ที่สูญสิ้นสัจธรรม
ฉันปกป้องเธอจนเลือดสีน้ำเงินไหลริน ดวงตาข้างที่ถูกทำลายถูกกระแทกซ้ำจนสะเทือนไปถึงหน่วยความจำ
เป็นเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งเช่นกัน..ที่เธอจะรักษา..จะซ่อมแซมให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
แม้กระทั่งบัดนี้ฉันก็ยังรู้สึกได้...รอยยิ้ม..ดวงตา..เสียงหัวเราะ
การหยอกล้อ..พูดคุย
รอยยิ้มที่แม้ไม่เหมือนเดิมแต่ก็ยังมีมอบให้..ดวงตาที่เรียวกว่าเก่าแต่ก็ยังอ่อนโยน
เสียงหัวเราะที่ทุ้มต่ำลงกว่าเดิม..เรื่องสนทนาที่เคร่งเครียดและไม่มีวันเป็นเหมือนเก่าอีกต่อไป
แต่ทุกสิ่งนั่นหลอมรวมเป็นตัวเธอ
มือของเธอสัมผัสฉันอย่างอ่อนโยน..โลกทั้งใบ..เวลาทั้งมวลของฉันหยุดลง...เพื่อเวลานั้น
เวลาที่แสนอ่อนโยน
ผ้าพันแผลไม่ได้ช่วยผิวของตุ๊กตาที่ไม่อาจสมานได้..แต่ความอบอุ่นก็ซึมซับเข้ามาในหัวใจ...
..สิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
.คือตัวตนของเธอ
ดังนั้นแล้ว ฉันจึงตัดสินใจอีกครั้ง
.
.
..ฉันจะปกป้องเธอ..
ฉันจะปกป้องเธอ ปกป้องจากทุกสิ่ง จากทุกผู้ที่หมายมั่นจะทำลายเธอ
ฉันจะปกป้องเธอ จะทำลายทุกสิ่งที่หมายมาดให้เธอทุกข์ใจ
ฉันจะปกป้องเธอ ฉันจะยืนอยู่เคียงข้างเธอ ตลอดไป..ตราบจนกว่าร่างนี้และวิญญาณนี้จะสิ้นสลายไป
..ตราบนิรันดร์..
.
.
++++++++++++++
.
.
ทุกสิ่งวนเวียนดั่งวัฎจักร
ตัวเธอที่ถูกไล่ล่า ตัวฉันที่ปกป้องเธอ ตุ๊กตาสังหารจิตวิปลาสที่ไล่ฆ่าผู้คน..รวมทั้งไล่ตามตัวตนของเธอ
ครั้งหนึ่ง..ความเห็นแก่ตัวที่อยากอยู่เคียงข้างเธอของฉันทำให้ฉันลืมมันไป..
แต่แล้วฉันก็ระลึกได้....ฉันยังไม่รู้จักโลกใบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
โลกในช่วงเวลาสิบปีที่ฉันหลับไป โลกที่ฉันไม่รู้จัก โลกที่เธอดำรงอยู่มา
นั่นทำให้ฉันเอ่ยถามเธอ....อีกครั้ง
“ทำไมถึงถูกตามล่า”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้”
คำตอบเดิมดังมา แต่คราวนี้...ฉันจะไม่ยอมเงียบไปอีกแล้ว
“ถ้าเธอยังพูดแบบนี้ ฉันคงติดตามเธอไปไม่ได้อีกแล้ว”
นั่นคือคำโกหก แต่เพื่อให้เธอบอกฉัน มันคือเรื่องจำเป็น
แววตาของเธอระริกไหว หวาดกลัวที่ฉันต้องจากจร ..และแล้วในที่สุด เธอก็เริ่มเล่าออกมา
ความเปลี่ยนแปลงทั้งปวงที่ฉันยังไม่รู้ตลอดเวลานับสิบปี
.
.
หลังจากสงครามล้างเผ่าในอาณาจักรที่ฉันได้หลับใหลไปจบลง
กลวิธีในการสร้างตุ๊กตาสังหารก็ถูกส่งต่อให้อาณาจักรศัตรู
พวกเขาสร้างตุ๊กตาสังหารขึ้นให้ไร้หัวใจ บรรจุด้วยความคิดของการเข่นฆ่าเพื่อการสงคราม
อาณาจักรแห่งนั้นส่งตุ๊กตาสังหารไปให้หลายอาณาจักรทั่วโลก
ค้าขายเพื่อความโลภของตนโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา
สงครามเริ่มขึ้น..รุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้งที่มีมา ความเลวร้ายเริ่มครอบงำ คามหวาดกลัวแผ่ขยายดังโรคร้ายมาเยือน
แล้วโลกก็เปลี่ยนเป็นสีเทาด้วยการฆ่าล้างและการทำลาย...ด้วยอาวุธอันร้ายกาจที่เรียกว่าตุ๊กตา
.
.
..แต่อาจเพราะความผิดพลาดและความไม่ชำนาญ จึงกลับกลายเป็นว่า..สิ่งเหล่านั้นบางตัวเต็มไปด้วยอารมณ์
อารมณ์อันบ้าคลั่งและรุนแรง
อารมณ์อันวิปลาสที่เรียกว่าความคลุ้มคลั่งในการทำลาย
.
.
“...ในตัวของผม....มีสิ่งหนึ่งฝังเอาไว้”
ฉันยังจำได้...ใบหน้าที่เหมือนจะแตกร้าวของเธอในตอนนั้น กับมือที่กำแน่นระริกที่แผ่นอก..ตำแหน่งที่ถูกฝัง[สิ่งหนึ่ง] ลงไป
สิ่งนั้นคืออุปกรณ์บางอย่างที่ทำให้โลกเคลื่อนไหว สิ่งนั้นทำให้ควบคุมตุ๊กตาสังหารได้ และทำให้หยุดทำงานได้เช่นกัน
ดังนั้นแล้วผู้ครอบครอง..จึงไม่ต่างจากเจ้าผู้ครองโลก..ผู้กำชะตาของอาวุธร้ายไว้ในมือ
และมันถูกฝังไว้ในร่างกายของเธอ..เหตุผลที่กระจ่างชัด...ว่าทำไมถึงถูกตามล่าตลอดมา
ความหวาดกลัวปรากฏในแววตาสีฟ้า ...สิ่งที่ทำใหบร่างที่สูงขึ้นมานี้..ดูเล็กและบอบางราวจะแตกร้าวลงง่ายๆ
ตัวเธอที่ฉันไม่ได้เฝ้าปกป้องเมื่อสิบปีก่อน..พบเจอกับอะไรกันแน่
ตัวเธอที่ฉันต้องห่างไกลนานนับสิบปี..ต้องพบกับอะไร
ไม่ทันเท่าความคิด ไม่ทันเท่าความปรารถนา อ้อมแขนของฉันก็ดึงเธอเข้ามาโอบกอดอย่างแนบแน่น
ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
ฉันได้สาบานอีกครั้ง.....กับหัวใจของตัวเอง
ฉันจะปกป้องเธอ จะอยู่ตรงนี้...จะทำตามที่เธอปรารถนาทุกอย่าง
..ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอไปนิรันดร..
.
.
++++++++++++++
.
.
ในที่สุดเธอก็บอกฉันเสียที..ถึงจุดหมายที่เราต้องไป
..ที่นั่นคืออาณาจักรซึ่งเคยทำลายบ้านเกิดของฉันและเธอ
ที่นั่นมีสิ่งที่เหมือนกับสิ่งที่ฝังในร่างของเธอ หากไปทำลายสิ่งนั้น สิ่งที่อยู่ในร่างเธอจะหยุดทำงาน
มันจะไม่มีค่าอีกต่อไป และตุ๊กตาสังหารทั้งหมดก็จะถูกทำลาย
ในตอนนั้นฉันไพล่นึกถึงตัวเอง ฉันจะต้องถูกทำลายไปด้วยหรือเปล่า?
ในตอนนั้นฉันไม่ได้ถามออกไป แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง ฉันก็จะหาหนทางเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างเธอ
จะไม่ยอมจากเธอไปอย่างแน่นอน
.
.
++++++++++++++
.
.
กาลเวลาผันผ่านดั่งเม็ดทรายที่ร่วงหล่นลอดนิ้วมือไป
.ในที่สุดการเดินทางก็จบสิ้นเมื่อเรามาถึงที่หมายของฉันกับเธอ
ฉันต่อสู้กับตุ๊กตาสังหาร ปกป้องเธอไปพลางโดยไม่ลำบากอะไร
ร่างกายนี้จะเจ็บอีกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อตุ๊กตา..ขอเพียงยังมีห้วงคำนึงอยู่จะสร้างใหม่อีกเท่าไหร่ก็ยังได้
แต่เธอจะต้องไม่บาดเจ็บ จะต้องดำรงอยู่ต่อไป
ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของตุ๊กตาสังหารตนนี้
ฉันทำลายตุ๊กตาสังหารทุกตัวที่ขวางหน้าด้วยกรงเล็บและอาวุธที่เธอมอบให้
ก้าวเดินเหยียบย่ำซากทะเนินสูงของเพื่อนฝูงที่ไม่รู้จักเพื่อเป้าหมายที่ต้องการ
ฉันกระโดดลงไปก่อนบนพื้นดินที่ไร้ซากตุ๊กตาหันมองเธอ ยืนแขนรอรับร่างของมนุษย์เช่นเธอที่กำลังกระโดดลงมา
ฉันจะปกป้องเธอ เติมเต็มความปรารถนาและความเชื่อมั่นที่เอ่อล้นเต็มหัวใจ
ฉันจะจบทุกสิ่งในคราวเดียว แม้ชีวิตของตนต้องพังพินไป
เพื่อให้จากนี้เธอจะไม่ต้องหลบหนี เพื่อที่จากนี้เธอจะพบแต่ความสุขใจ
เพื่อที่จากนี้เธอจะดำรงอยู่ต่อไป..แม้ไม่มีฉันแล้วก็ตาม
.
.
++++++++++++++++
.
.
แม้ว่าฉันจะต้องถูกทำลายพร้อมตุ๊กตาสังหารทุกตัว แต่ฉันก็จะทำให้เธอสมหวังดังใจ
ฉันจะปลดโซ่ตรวนที่รัดรึงตัวเธอไว้ แม้ว่าตนจะไม่มีโอกาสอยู่เคียงข้างเธอแล้วก็ตาม
พวกเราก้าวเดินไปในปราสาทสีแดงเลือด เหยียบย่ำซากตุ๊กตาสังหารและข้ามผานกองทัพแห่งการทำลายจนมาถึงที่หมายในที่สุด
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือมนุษย์....มนุษย์คนหนึ่ง.มนุษย์ที่ฉันจดจำได้ดีว่าคือใคร
ภาพที่หวนคืน ตัวเธอที่ร่ำไห้กรีดร้องยามจากจรฉันไป
..ใครกันที่พาเธอไป..ในตอนนั้นช่างเลือนราง หากบัดนี้กลับแจ่มชัด
ใบหน้านั้น..เหมือนดั่งความทรงจำไม่ผิดเพี้ยน!
.
.
โดยไม่ต้องใช้ความคิด ฉันก็ตรงเข้าทำลายฆ่าฟัน..ต่อสู้กับมนุษย์ตรงหน้าด้วยไฟแห่งการล้างแค้นที่โหมกระพือ
เป็นเขาที่ทำให้เธอจากฉันไป เป็นเขาที่ทำลายความสุขของเธอ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ฉันไม่รู้ ห้วงกาลผ่านไปเท่าไหร่..ไม่อาจทราบ
หากในที่สุด ฉันก็ฟาดฟันเขาจนจมกองเลือด..อาบย้อมโลกสีเทาด้วยสีแดงของเลือดที่หลั่งริน
ฉันยิ้มด้วยความวิปลาส มือเปื้อนเลือดสั่นเทาเมื่อการล้างแค้นเสร็จสิ้น..แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจ..
คือรอยยิ้มก่อนจากไปของร่างที่อยู่ตรงหน้า..
ทำไม...ฉันถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นคุ้นเคยล่ะ...
“...แค่นี้..ผมก็เป็นอิสระซักที...”
เธอพูดแบบนั้น พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ฉัน มือเรียวคว้านเข้าไปในบาดแผลของร่างที่นอนตาย
กระทั่งหยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากบาดแผลสีแดงเพลิง
มือเรียวบีบสิ่งนั้นจนแตก ฉับพลันฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังไปทั่วบริเวณ
..จิตวิญญาณของตุ๊กตาสังหารกำลังถูกทำลาย....
รอยยิ้มขื่นปรากฏบนใบหน้าของฉัน
ต้องจากกันแล้วสินะ
และระหว่างที่ฉันกำลังจะหันไปหา......
.
.
.
ตุบ
.
..
.
..
.
ตัวเธอก็ล้มลงไป
ฉันกรีดร้องไม่เป็นภาษา มือสั่นเทารีบรุดเอื้อมคว้าร่างเธอขึ้นโอบกอด..ความกลัวแล่นพล่าน..ปราดลงเข้าสู่ดวงใจ
เกิดอะไรขึ้น ทำไม ทำไมกัน ทำไม..!
ทำไมเธอถึง........!!
“ผมน่ะ...ไม่ใช่เจ้าชายของคุณหรอกครับ...”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจของฉันดิ่งลงต่ำ..เจ็บปวด..ทรมาน ราวกับจะถูกคว้านให้หายไปจากอก
“พูด...อะไ..ร”
“ผมเป็นร่างโคลนที่ถูกใส่ความทรงจำของเขา..ตัวจริงของเขา..คือคนที่เธอเพิ่งจะฆ่าไป.
..เขาถูกทำให้เปลี่ยนแปลง..แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นเขาไม่ต้องการจะลืมคุณ..เขาจึงสร้างผมขึ้นมา ...
แล้วใส่ความทรงจำทั้งหมดที่มีลงไป....ก่อนที่เขาจะถูกทำให้กลายเป็นคนที่คุณไม่รู้จักอีกต่อไป...”
ความจริงนี้ทำให้ฉันตัวชาวาบ ทั่วทั้งร่างกายสิ้นเรี่ยวแรง..เจ็บปวด
งั้นก็หมายความว่า...ฉัน....
ฉัน...!
มือของฉันกำแน่นจนกรงเล็บแหลมจิกลงบนมือที่ไร้โลหิต ในขณะที่เธอยังพูดต่อไป
“ตุ๊กตาสังหารถูกทำลายหมดแล้ว..ด้วยความต้องการของเขาที่สืบทอดมายังผม..
แต่ว่า...คุณถูกสร้างก่อนหน้านี้จึงไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกทำลายอันนั้น
คุณคือตัวตนที่สมบูรณ์แบบ...คุณไม่มีวันถูกทำลายตราบเท่าที่หัวใจของคุณยังปรารถนาจะดำรงอยู่ต่อไป”.
“ไม่.........”
ฉันร้องขัด แต่เธอก็ยังพูดต่อพร้อมกำสิ่งนั้นไว้ในมือ..
เครื่องจักรที่ถูกดึงออกมาจากอก..ของคนที่เธอบอกว่าเขาคือ [เจ้าชาย] ตัวจริง
“.สิ่งนี้...ที่เหมือนกันซึ่งอยู่ข้างในนี้...มันเต้นแทนหัวใจของผมที่หยุดไป
.
หัวใจของผมอ่อนแอ..เขาจึงมอบสิ่งนี้ไว้ในตัวผมเพื่อให้ผมดำรงอยู่ต่อไป...แต่มันจะหยุดลงเมื่ออีกตัวถูกทำลาย..
ตอนนี้.......มันกำลังหยุดทำงานแล้ว”
ไม่.......!!
ต่อให้ไม่ใช่เจ้าชายจริงๆ ต่อให้เป็นร่างที่ถูกโคลนมาพร้อมความทรงจำ
แต่เจ้าของรอยยิ้ม เจ้าของน้ำเสียง เจ้าของรอยสัมผัสอันอบอุ่นที่ผ่านมาก็ยังเป็นของเธอ
นั่นคือความจริง....ที่ไม่มัวนถูกบิดเบือน
เธอคือคนสำคัญของฉัน มากกว่าเจ้าชายที่ไม่ได้พบมานับสิบปี..ดังนั้นได้โปรด..อย่าจากไป...!
“ได้โปรด....อย่าจากไป...!”
..เธอฟังคำนั้นพร้อมมองสีหน้าที่ปริ่มจะขาดใจตายของฉัน แต่แล้วเธอกลับยิ้ม..ยิ้มด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุขที่สุด..
“ขอบคุณนะครับสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา...ผมมีความสุขมาก..แม้จะรู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าชายตัวจริงของคุณ..
เป็นความรู้สึกที่อ่อนโยน..เป็นความรู้สึก..ที่ทำให้ผมเป็นสุข....ผมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไร้ตัวตนที่แท้จริงนี้..
..สุดท้ายนี้...นี่คือความปรารถนาของเขาและของผมที่มีต่อคุณ......
ขอให้คุณ............มีชีวิตอยู่ต่อไปนะครับ”
เธอพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง..กว้างและอ่อนโยน..ใสซื่อและบริสุทธิ์....
ภาพความทรงจำที่ซ้อนทับกัน
รอยยิ้ม..ในตอนนั้น
รอยยิ้มในอดีตสีคราม
.
.
.
.
ทุกสิ่ง...ค่อยๆหยุดลง
ดวงตาที่ปิดลงของเธอ รอยยิ้มที่ค้างบนใบหน้าเปี่ยมสุข
บางที..นั่นอาจรวมถึงหัวใจของฉันด้วย
..หัวใจที่หยุดลงแล้วของฉัน....
ฉันวางร่างของเธอลงบนพื้น มองไปยังร่างที่ฉันฆ่าเองกับมือ...
ใบหน้าที่เหมือนเธออย่างไม่ผิดเพี้ยน...
ฉันจำผิดไปได้อย่างไร..จำ...ใบหน้าของเธอ...ผิดกับใบหน้าของคนที่พาเธอไปได้อย่างไร
.
กาลเวลา
.
ความเข้าใจผิด
.
ความทรงจำที่บิดเบือน
.
เศษซากของการพังทลาย
ทุกสิ่งร่วงหล่นโถมทับลงมาบนตัวฉันจนหนักอึ้ง
ความปวดร้าวที่เรียกว่าการสูญเสียเธอไป
ฉันลูบบนผิวอุ่นๆของร่างที่เพิ่งตายไป....มือของฉันสั่นระริก..ไม่อาจยอมรับความจริงได้ในยามนี้
...หยาดน้ำตาที่ไม่เคยร่วงหล่นจากดวงตาค่อยๆพร่างพรูออกมา
ฉันเป็นคนทำลายเอง....
ทั้งเจ้าชายตัวจริง.......ที่ปรารถนาให้ฉันเป็นสุข
เจ้าชายที่ฉันเคยดูแลมาด้วยความรักของตน
ทั้วตัวเธอ...ทีอยู่เคียงข้างฉันเมื่อฉันตื่นขึ้นมา
.คนที่ฉันสาบานว่าจะปกป้องไปชั่วนิรันดร์
ตัวตนทั้งหมดของเธอที่ฉันรัก.....
เป็นฉัน..ที่ทำลายมันลงไปกับมือ!!
.
.
.
...แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังกังวานไปทั่วปราสาทที่เงียบงัน...
+++++++++++
.
.
.
........เสียงกรีดร้องดังกังวาน พร้อมกับร่างสองร่างที่อาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน...
ราวกับจะถูกกลืนลงไปในทะเลสีชาดไร้ก้นบึ้ง
ฉันโอบกอดร่างทั้งสองของเธอไว้ หยาดโลหิตแปดเปื้อนเรือนผมสีขาวโพลนหากฉันไม่ใส่ใจ
ฉันได้แต่วิงวอนขอพระเจ้า..ทั้งที่ฉันไม่เคยเชื่อมันเลยซักครั้งเดียว
“ได้โปรด
.อย่าพรากสิ่งสำคัญของฉันไป”
ฉันโอบกอดเธอแน่นขึ้น คำพูดนั้นเวียนวนพึมพำในริมฝีปากของฉันพร้อมความรู้สึกมากมายที่ไม่รู้จักซึ่งประดังเข้ามา
ทรมาน เจ็บปวด ทุกข์ทน โศกเศร้า ว่างเปล่า
น้ำตาหลั่งรินทั้งที่ฉันไม่รู้จัก หยาดน้ำตาพร่างพรูไม่หยุดทั้งที่ฉันไม่ควรมี
ชั่วนิรันดร์จะไปมีค่าอะไร..หากไม่มีเธออยู่เคียงข้างฉันอีกแล้ว
การดำรงอยู่ที่เธอมอบให้จะไปมีค่าอะไร..หากจากนี้ฉันต้องอยู่อย่างเดียวดาย..
น้ำตาหลั่งริน..หยาดฝนพร่างพรู...
.
.
.
.
.
.
ร่วงหล่นลงมาในโลกสีแดงฉานที่เอ่อล้นด้วยความทรมาน
.
.
.
.
.
.
ฉันจะพาร่างของเธอ....
.
.
.
.
ไปยังสถานที่แห่งการหลับใหลที่เรียกว่าผืนทะเล
.
.
.
.
.
ฉันจะหลับใหลไปพร้อมกับเธอ
.
.
.
ทิ้งคำว่าการดำรงอยู่และชั่วนิรันดร์ไว้ในโลกเบื้องหลังที่ไม่มีเธออีกต่อไป.
.
.
.
ฉันจะหลับไปตลอดกาล...
.
.
.
จนกว่าจะถึงวันที่ฉันได้เธอกลับมา.....อีกครั้ง
.
.
.
.
.
.
..
.
.
.
.
.
.
“......................พี่ชาย มันอันตรายน่ะ ดูสิ นั่นมันตุ๊กตาไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตุ๊กตาน่ะสิ พี่ถึงชวนนายมาด้วยไง น่าสนใจออก”
“แต่..ดูสิ มีเขาด้วยนะ เล็บก็แหลม..น่ากลัวจะตาย รีบกลับบ้านกันเถอะ..!”
“น่า....พี่ชอบเขาออก อย่ารั้งสิ อ๊ะ ขยับแล้ว...!!”
“จริงด้วย...!”
.
.
.
.
ภาพรอยยิ้มที่คุ้นเคยของร่างสองร่าง
กับเสียงสองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกัน
“อรุณสวัสดิ์!! คุณพี่สาวตุ๊กตา”
.
.
.
.
ความสุขที่กลับมาเยือนอีกครั้ง
คราวนี้ จะไม่ปล่อยให้ความเข้าใจผิดกับกาลเวลาพรากมันไปอีกแล้ว
.
.
.
.
.
“ยินดีที่ได้รู้จัก..ฉันชื่อ................”
.
.
.
.
..THE END
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker
ความคิดเห็น